สรุปการประชุม 7
มี.ค.58 (อย่างไม่เป็นทางการ )
1.การเลื่อนระดับปรับสถานภาพให้
ลปจ.เป็นข้าราชการฯ สมาคมฯ และชมรมฯ นำเสนอหลักการให้ทางกรมบัญชีกลางพิจราณา
-เปิดโอกาสให้ลปจ.นำอายุราชการและประสบการณ์มาเป็นความรู้ความสามารถทั่วไป
- เมื่อได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการแล้วให้โอนอัตราเงินเดือนไปตั้งจ่ายไม่น้อยก่วาที่เคยได้รับ
- ให้นับอายุราชการต่อเนื่องในระหว่างการปฏิบัติงาน
ลปจ.ตามตัวไปด้วย
- ให้เป็นการสอบเลื่อนระดับปรับสถานภาพ(ไม่จำกัดอายุ)
เพื่อขวัญและกำลังใจ
ลปจ.การนี้ส่วนราชการได้ทรัพยากรบุคคลเพิ่มโดยไม่เป็นภาระต่อทางงบประมาณ
วิทยากรผู้ร่วมการเสวนามีทั้งเห็นด้วยและมีการให้ข้อสังเกตุ
2.การให้
ลปจ.ได้รับการคุ้มครองเมื่อเกษียณอายุในหลักการบำนาญ 2494
วิทยากรให้ข้อสังเกตุว่าเป็นไปได้ยากเพราะ พรบ. 2494 นั้นปัจจุบันข้าราชการที่เข้ามาใหม่ก็ไม่ได้เข้าอยู่ใน
พ.ร.บ.นี้จะได้สิทธิใน พรบ. บำนาญฯ 2539
สมาคมฯก็ขอให้ทางกรมบัญชีกลางพิจารณาประโยชน์เกื้อกูลในบ้านหลังที่สองของลปจ.ในหลักการบำนาญ
2494
โดยจะกำหนดสิทธิดังกล่าวนี้ไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังก็ได้ ความคืบหน้าที่วิทยากรกรมบัญชีกลางแจ้งที่ประชุมฯ
-เรื่องเงินเพิ่มค่าครองชีพผู้รับบำเหน็จรายเดือนทางกรมได้ดำเนินการเป็นระเบียบปฏิบัติให้แล้วและต่อไปเมื่อมีการปรับเพิ่ม
ลปจ.ก็จะได้สิทธินี้พร้อมกัน
-เรื่องเหตุสูงอายุ
ลปจ.มีอายุราชการไม่ครบ 25 ปีได้ดำเนินการแล้วคาดว่าอย่างช้าคงไม่เกินเดือนกันยายนปีนี้จะมีผลบังคับใช้ได้
ส่วนเรื่องที่ ลปจ.
สนใจต้องการเรียกร้องมากที่สุดคือค่ารักษาพยาบาลกวิทยากรกรมบัญชีกลางแจ้งว่ากำลังดำเนินการอยู่ครับ
ขอสรุปเป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อทราบเพียงเท่านี้ก่อนครับ นายกสมาคมฯกล่าว.
(นายอรรถพล งามดี )
เตรียมตัวขึ้นรถจากที่พักเพื่อเดินทางไปที่ประชุม
เข้าพบเพื่อหารือกับท่านผู้ทรงคุณวุฒิที่มาร่วมเสวนาก่อนประชุม พร้อมมอบของฝากเล็กๆน้อยๆ
พิธีเปิด
ประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และสมาชิกในที่ประชุม ยืนตรงร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้องห้องประชุมสุขุมนัยประดิษฐ์ สนง.ก.พ. จ.นนทบุรี
และท่านนายกสมาคมลูกจ้างส่วนราชการแห่งประเทศไทยกล่าวรายงานต่อท่านประธานที่ประชุม
ประธานที่ประชุมและผู้ทรงคุณวุฒิในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 (7มี.ค.2558)ประกอบด้วย
1.นายไว คงทวี ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง (ประธานเปิดฯ)
2.นายวิรัตน์ ปัญญาธีระ สรรพากรพื้นที่จังหวัดนนทบุรี (ประธานกล่าวต้อนรับผู้ว่าราชการมอบหมาย
3.นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท (อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร)
4.ดร.ทองประเสริฐ จันทรอัมพร (ผู้ทรงคุณวุฒิ)
5.นายเสกสรร พหลเวชช์ (ผอ.กลุ่มงานกฏหมายและระเบียบด้านเงินเดือนค่าจ้างบำเหน็จบำนาญ)
6.นายโสภณ พวงคุ้ม (ผอ.กลุ่มงานค่าตอบแทนและสวัสดิการ)
7.ดร.รัษฎา วิชัยดิษฐ (อุปนายกฝ่ายบริหารสมาคมฯ)
8.นายอรรถพล งามดี (นายกสมาคมฯ)
นายธนวัฒน์ ยกศรี
ประธานชมรมลูกจ้างประจำภาครัฐ
นำเสนอที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งมีประเด็นหลักๆ ดังต่อนี้
ประธานชมรมลูกจ้างประจำภาครัฐ
นำเสนอที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งมีประเด็นหลักๆ ดังต่อนี้
ข้อที่ 1. อยากขอโอกาสให้ลูกจ้างประจำที่ไปพัฒนาตัวเองจนมีความรู้
ความสามารถ จนมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น และที่ยังต้องปฏิบัติราชการอยู่ ได้มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานในสายงานที่ปฏิบัติ
เฉกเช่นชั้นประทวนของ ตำรวจ ทหาร พอไปเรียนเพิ่มเติมจนมีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้นในระดับปริญญา
ที่ตรงสายงานที่ปฏิบัติ ก็มีโอกาสสอบปรับเปลี่ยนเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้
และยังมีข้าราชการประเภทอื่นๆที่ได้รับโอกาสเช่นนี้ แต่สำหรับ ลปจ. ไม่เคยได้รับการพิจารณาถึงเรื่องนี้เลย
และจะต้องอยู่เป็นลูกจ้างประจำแบบนี้จนเกษียณ แม้จะมีวุฒิการศึกษาระดับไหนก็ตาม ดังนั้นอยากขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อย่างเช่นสำนักงาน ก.พ. เพื่อขอให้พิจารณาหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนลูกจ้างประจำให้เป็นข้าราชการได้ตามความรู้ความสามารถ
และเมื่อปรับเปลี่ยนหรือโอนย้ายตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ก็ขอให้นำอายุราชการ
และเงินเดือนหรือค่าจ้างติดตามตัวไปด้วย
ข้อที่ 2. สำหรับลูกจ้างประจำที่ขาดคุณสมบัติตามข้อที่ 1.
ขอให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาการกำหนดระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำขึ้นมาใหม่
ให้สามารถปรับปรุงตำแหน่งข้ามหมวดให้เป็นตำแหน่งที่มีชื่อและลักษณะงานเหมือนของข้าราชการที่มีอยู่ใน
สำนักงาน ก.พ. เพื่อให้ลูกจ้างประจำได้มีชื่อตำแหน่งเหมือนข้าราชการหรือบุคลากรของรัฐประเภทอื่นๆ
หรือให้เหมาะสมกับวุฒิการศึกษาของลูกจ้างประจำที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมา
ลปจ.เสียสิทธิ์และโอกาสในหลายๆด้าน เช่น
- กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขเรียกบรรจุบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขปรับเป็นข้าราชการ
ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556
จนถึงตอนนี้กระทรวงสาธารณสุข เรียกบรรจุ ลูกจ้างชั่วคราว
พนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข และ ลูกจ้างประจำ เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ
และจะเห็นได้ว่าในการเรียกบรรจุของ กระทรวงสาธารณสุข จะมีชื่อ ลูกจ้างประจำรวมอยู่ด้วย แต่พอไปดูรายละเอียดของชื่อตำแหน่งจริงๆแล้ว
ในการเรียกบรรจุทุกๆครั้ง ของกระทรวงสาธารณสุขลึกๆแล้วจะไม่มี
ลูกจ้างประจำอยู่เลย เพราะอะไร
เพราะว่าชื่อตำแหน่งลูกจ้างประจำที่ครองอยู่ไม่มีตำแหน่งที่รองรับวุฒิการศึกษาตั้งแต่ระดับ
ปวช. อนุปริญญา และ ระดับ ปริญญาเลย เช่นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ / เจ้าพนักงานต่างๆ/
นักวิชาการต่างๆ / แม้ ลูกจ้างประจำ จะมีวุฒิระดับไหนก็ตาม
เพราะตำแหน่งที่ว่าไม่มีในระบบตำแหน่งลูกจ้างประจำตั้งเกิดลูกจ้างประจำขึ้นมา แต่ถ้าย้อนกลับไปดูลูกจ้างประจำในขณะนั้นมีวุฒิการศึกษาหรือไม่
ตอบว่ามี มีตั้งแต่ ป.4 – ปริญญาตรี และปัจจุบันนี้มี ถึงปริญญาเอก
มีเหมือนกับบุคลากรของรัฐประเภทอื่นๆ
-
ในการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
ได้กำหนดให้ข้าราชการผู้ที่มีวุฒิปริญญาตรี ให้ได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท เช่น ข้าราชการ, พนักงานมหาวิทยาลัย, พนักงานราชการ, พนักงานกระทรวงสาธารณสุข, แม้แต่ลูกจ้างชั่วคราว หรือพนักงานจ้างตามภารกิจ ที่มีวุฒิปริญญา
บุคลากรเหล่านี้ได้รับการพิจารณาตามนโยบายดังกล่าว แต่ลูกจ้างประจำกลับไม่ได้รับการพิจารณา
และต้องเสียสิทธินี้ไป ทั้งๆที่ในขณะนั้นลูกจ้างประจำหลายรายก็มีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีอยู่
ข้อที่ 3. สำหรับลูกจ้างประจำที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์
ตามข้อที่ 1. และ ข้อที่ 2. ก็ขอให้ปรับปรุงระเบียบ กฎหมาย
และประโยชน์เกื้อกูลของลูกจ้างประจำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
3.1
ขอให้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้าง
พ.ศ. ๒๕๑๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ลูกจ้างประจำที่เกษียณอายุราชการ
ได้รับสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลให้ใกล้เคียงกับสิทธิของข้าราชการตามพระราชบัญญัติบําเหน็จบํานาญข้าราชการ
พ.ศ. ๒๔๙๔ (ยกเว้น) สิทธิในเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เช่น
-
ให้ลูกจ้างประจำได้รับสิทธิ์การรักษาพยาบาลหลังเกษียณอายุราชการ
-
ให้ได้รับบำเหน็จตกทอด จากเดิม 15 เท่า ให้เป็น 30 เท่า
- ถ้าลูกจ้างประจำผู้ใดมีอายุครบห้าสิบปีบริบูรณ์แล้ว
หรืออายุราชการครบ 10 ปีขึ้น ประสงค์จะลาออกจากราชการ ก็ให้ผู้มี อำนาจสั่งให้ลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จปกติ
บำเหน็จรายเดือนเหตุสูงอายุได้ และ
3.2 ขอให้พิจารณาแก้ไข ปรับเพิ่มเงินเดือน หรือบัญชีค่าจ้าง ของลูกจ้างประจำให้สูงขึ้นอย่างเหมาะสมสอดคล้องตามอายุงานหรือประสบการณ์
หรือตามคุณวุฒิทางการศึกษาที่มี รวมทั้งให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน
ซึ่งข้อเรียกร้องที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ทางสมาคมฯ และชมรมลูกจ้างประจำภาครัฐ
ได้ทำหนังสือนำกราบเรียนต่อท่านนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล และนำเสนอต่อท่านประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติที่อาคารรัฐสภา
ตามหนังสือ ที่ กล.ภร./๐๐๒ ลงวันที่วันที่ 13 พ.ย. 2557 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ให้พิจารณาปรับปรุงระเบียบ
กฎหมาย และประโยชน์เกื้อกูลของลูกจ้างประจำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และได้รับหนังสือตอบรับจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล ที่ นร 0105.04/50214
ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2557 เรื่องขอให้พิจารณาปรับปรุงระเบียบ กฎหมาย
และประโยชน์เกื้อกูลของลูกจ้างประจำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ใจความว่า “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง
และสำนักงาน ก.พ. ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกรณีที่ท่านมีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
เพื่อพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ โดยขอให้แจ้งผลให้ท่านทราบโดยตรง
พร้อมทั้งได้บันทึกข้อมูลรายละเอียดของเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ในระบบสารสนเทศเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ด้วยแล้ว” แต่จนถึงปัจจุบันนี้ทางชมรมลูกจ้างประจำภาครัฐหรือกลุ่มลูกจ้างฯ
เดิม ยังไม่ได้รับคำตอบจาก สนง.ก.พ.
แต่อย่างใด
และต่อมาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558
ทางกระผมในฐานะตัวแทนของพี่-น้องลูกจ้างประจำ ได้รับหนังสือจากกระทรวงการคลัง ที่
กค 0203.4/163 ลงวันที่ 7 มกราคม 2558 ใจความว่า
“ตามที่ท่านได้มีหนังสือฉบับลงวันที่
13 พ.ย. 2557 กราบเรียนนายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณาปรับปรุงระเบียบ กฎหมาย
และประโยชน์เกื้อกูลของลูกจ้างประจำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องนั้น
กระทรวงการคลังขอเรียนว่า
ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องและแจ้งผลการพิจารณาให้ท่านทราบต่อไปแล้ว”
และจนถึงตอนนี้ทางชมรมฯก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากกรมบัญชีกลางเช่นกัน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เพื่อให้ได้รับการแก้ไขเยียวยาผลกระทบ
และความเหลื่อมล้ำที่มีต่อลูกจ้างประจำส่วนราชการทั่วประเทศมาอย่างยาวนาน
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและอนุเคราะห์แก้ไขปัญหา และความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
(นายธนวัฒน์ ยกศรี)
ประธานชมรมลูกจ้างประจำภาครัฐ
พักรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับท่านอดีต ส.ส.รัชฎาภร แก้วสนิท ขณะนี้ท่านเป็นผู้ดำเนินรายการ "ฟ้าวันใหม่" ทางทีวีดาวเทียม ท่านมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในการจัดการประชุมในครั้งนี้
และพร้อมด้วยท่านพี่ชวลี อดีตเลขาธิการสมาคมฯ
กรรมการสมาคมลูกจ้างส่วนราชการแห่งประเทศไทยแนะนำตัวให้กับสมาชิกรู้จัก ก่อนแถลงการณ์ดำเนิน
งานและเข้าวาระที่ประชุมสมาคมฯ
ประชุมกรรมการหลังประชุมใหญ่ และรับมติเรื่องจากการนำเสนอของที่ปรึกษาด้านกฎหมายสมาคมฯเรื่อง ให้ช่วยตรวจพิจารณาข้อบังคับเพื่อจะได้แก้ไขให้ถูกต้องสมบูรณ์และเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสมาคมอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเบื้องต้นที่เสนอในที่ประชุมใหญ่และได้การรับรองแล้ว คือ การแก้ไขคำผิด และวาระในการดำรงตำแหน่ง คือ
เพิ่มเติมข้อความใน ข้อ 22. เป็นดังนี้ คือ "วาระการดำรงตำแหน่งคณะกรรมการครั้งละ 2 ปี และอาจได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสมัยต่อไปต่อเนื่องกันอีก แต่ไม่เกินสองสมัยติดต่อกัน ในระหว่างที่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้เข้ารับหน้าที่ ให้คณะกรรมการชุดเดิมบริหารกิจการสมาคมไปพลางก่อน เมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ." และจะนัดประชุมกรรมการอีกครั้งในวันที่ 27 มีนาคม 2558 .
.......................................................................................................................................
ขอบคุณชมรมฯ เป็นอย่างสูงครับ ขอให้เดินหน้าต่อไป พวกเรารอคอยท่านครับ
ตอบลบขอบคุณพวกเรา ลปจ. ทุกท่านด้วยครับ
ลบ